คุณอยู่ที่

  • ทำไมต้อง CIMB Preferred
  • บริการเพื่อความมั่งคั่ง
  • มุมมองเศรษฐกิจ
  • วิธีการเข้าร่วมเป็น CIMB Preferred
  • บริการช่วยเหลือสำหรับคุณ
  • ลิงค์ด่วน
CIMB Rewards Program
โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษสำหรับคุณโดยเฉพาะ
ค้นหาระดับความเสี่ยงในการลงทุนของคุณ
บริการทางการเงินและการลงทุน
คำแนะนำการลงทุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญ
อัปเดตภาวะตลาด

01 Jun 2024

อัปเดตภาวะตลาดการเงิน และกลยุทธ์การลงทุนประจำเดือน

การเติบโตของเศรษฐกิจโลกยังคงมีความยืดหยุ่น และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังคงแข็งแกร่ง

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้มีการปรับการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกปี 2024 และ 2025 ขึ้นโดยขาดว่าจะขยายตัว 3.2% โดยการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2024 ถูกปรับเพิ่มขึ้น 30 จุดจากการคาดการณ์ในเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตาม การเติบโตดังกล่าวยังคงต่ำกว่าการเติบโตเฉลี่ย ปี 2000-2019 ที่ 3.8%  ตอกย้ำถึงผลกระทบจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดและแรงกระตุ้นจากนโยบายการคลังที่เบาบางลงรวมถึงการเติบโตของผลิตภาพ (productivity) เศรษฐกิจที่ต่ำ สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว คาดการณ์การเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 1.6% ในปี 2023 เป็น 1.7% ในปี 2024 และ 1.8% ในปี 2025 โดยคาดการณ์การเติบโตปี 2024 ถูกปรับเพิ่มขึ้น 20 จุด สำหรับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และกำลังพัฒนา คาดการณ์เศรษฐกิจเติบโตแบบทรงตัวที่ 4.2% ทั้งในปี 2024 และ 2025 และคาดว่าตลาดเกิดใหม่ในฝั่งเอเชียจะโตช้าลง โดยปัจจัยเช่น ประเด็นความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์และความสามารถของธนาคารทั่วโลกที่จะพาเศรษฐกิจ “soft landing” เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของ GDP โลกในปีนี้ 

 

รายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐ ฯ ซบเซาลงในเดือนเมษายน โดยการเติบโตเป็นศูนย์ หลังจากเติบโต 0.6% MOM ในเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม IMF ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐ ฯ เป็น 2.7% ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 60 จุดจากการคาดการณ์ครั้งก่อน  อัตราเงินเฟ้อที่ยังค้างสูงและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ทำให้ตลาดไม่มั่นใจกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED ว่าจะมีการปรับดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้หรือไม่  ด้านยุโรปยังคงดำเนินนโยบายการเงินเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อต่อเนื่อง ตามรายงานของ Eurostat อัตราเงินเฟ้อยุโรปในเดือนมีเมษายนทรงตัวอยู่ที่ 2.4% YoY คาดว่า ECB จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน และจะดำเนินนโยบาย QT ในช่วงครึ่งหลังของปี 2024  เช่นเดียวกันกับตัวเลข CPI ของอังกฤษที่เพิ่มขึ้นเพียง 2.3%YoY  ในเดือนเมษายน ลดลงจาก 3.2% YoY ในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2021  ด้านญี่ปุ่น GDP ไตรมาส 4 ปี 2023 ขยายตัว 0.4% จาก -0.4% แต่หดตัว -2% ในไตรมาส 1 ปี 2024 จากการบริโภคที่ลดลง ขณะที่ GDP ของจีน ขยายตัว 5.3%YoY ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2024 โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนเติบโต 6.1%YoY ไตรมาส 1 ปี 2024 จากการเติบโตที่แข็งแกร่งของการผลิตในอุตสาหกรรม High-Tech ขณะที่ IMF คาดเศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตแซงหน้าญี่ปุ่นได้ในปี 2025 ทำให้อินเดียกลายเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ขณะที่ธนาคารกลางอินเดียคาดการณ์ว่า real GDP จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 7% ในปี 2024 

 

หุ้นโลก: ฤดูกาลประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2024 ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว  96% ของหุ้นในดัชนี S&P500 ถูกประกาศผลประกอบการออกมาโดยกำไรตอบโต 6% YoY แม้จะมีความกังวลของอัตราการเติบโตของหุ้นสหรัฐ ฯ ทำให้ ไตรมาสที่ 1 ปี 2024 เป็นไตรมาสที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2022

 

AI ยังคงเป็นกระแสหลักที่หลายบริษัทพูดถึง โดยในการประกาศผลประกอบการครั้งนี้มี 199 บริษัทในดัชนี S&P500 มีการพูดถึง AI ขณะที่ค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมามีเพียงจำนวน 80 บริษัทเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น 78% รายงานกำไรต่อหุ้นสูงกว่าประมาณการ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีเช่นเดียวกัน ท่างกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ฯ ตลาดเห็นการเติบโตของผลตอบแทนใน S&P500 อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2024 โดยประมาณการการเติบโตได้ที่ 11%

ในส่วนของ P/E ของ S&P500 ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 24.7 เท่า แม้จะสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี ที่ 21 เท่า  แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ระดับ P/E ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตต่อไปได้. ในทำนองเดียวกัน NASDAQ100 มี P/E อยู่ที่ 34 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 27.1 เท่า ผลประกอบการของ หุ้น 7 นางฟ้าหรือ Mag-7  ออกมาค่อนข้างแตกต่างกัน โดย Meta Platforms, Alphabet และ Amazon.com ทำผลประกอบการได้ดีกว่าที่คาด โดยรายได้เติบโต 27% 15% และ 13% ตามลำดับ ส่งผลให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 34% 25% และ 21% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน อย่างก็ตาม มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดกระจุกตัวอยู่ในหุ้นสหรัฐ ฯ ที่ใหญ่ที่สุด โดยมีน้ำหนักถึง 33% นักลงทุนจึงต้องระมัดระวัง ซึ่งการกระจุกตัวดังกล่าวยังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนสมมติฐานเกี่ยวกับการฟื้นตัวของราคาหุ้นที่จะกระจายเป็นวงกว้าวมากขึ้น และมีโอกาสที่จะส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ และหุ้นกลุ่มอื่น ๆ แคบลงในปีนี้ รวมถึงในระยะถัดไป

NIKKEI 225 ได้รับแรงกดดันจากการถูกเทขายของบริษัทผู้ผลิตชิป อย่าง Tokyo Electron, Renesas และ  Advantest อย่างไรก็ตามคู่แข่งในสหรัฐ ฯ อย่าง NVIDIA รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งส่งผลให้บริษัทชิปในญี่ปุ่นได้รับผลบวกไปด้วย ในขณะที่หุ้นอินเดียมีการซื้อขายลดลงท่ามกลางการเลือกตั้งที่กำลังเกิดขึ้น โดยการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกเกือบ 1 พันล้านคน และมีระยะเวลาลงคะแนนเสียงทั้งสิ้น 44 วัน โดยพรรค BJC จ่อคว้าชัยชนะ โดยนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อเนื่องจาก BJP มีแนวโน้มจะเป็นผู้ชนะตามคาดส่งผลให้นโยบายมีความต่อเนื่อง

 

หุ้นจีน:  ข่าวดีในภาคการผลิตส่วนใหญ่ของจีนมาจากอุตสาหกรรม “new three” หรือสามอุตสาหกรรมใหม่ ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า แผงโซลาร์เซลล์ และแบตเตอรี่ อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงอยู่ระดับเดิมและยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 4.7%YoY  ในไตรมาส 1 ปี 2024 อีกทั้ง ความคาดหวังของตลาดที่ต่ำบวกกับ valuation ที่อยู่ในระดับน่าสนใจ อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนเห็นการฟื้นตัวขึ้นสูงกว่าที่คาดในปี 2024 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เร่งตัวขึ้น  ปัจจุบัน ดัชนี HSI ซื้อขายที่ P/E 10.8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี โดยมีการคาดการณ์เติบโตของกำไรต่อหุ้นที่ 5.66% YoY ในปี 2024 และ 7.14% YoY  ในปี 2025 ตามลำดับ สำหรับดัชนี CSI300 นักวิเคราะห์มีการปรับคาดการณ์เติบโตของกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 15.64%YoY ในปี 2024 และ 13.66%YOY ในปี 2025  อย่างไรก็ตาม ภาคอสังหา ฯ ยังคงฉุดรั้งเศรษฐกิจจีน ตามข้อมูลของ NBS การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในจีนลดลง 9.5% YoY ในไตรมาส 1 ปี 2024 ขณะที่ยอดขายอสังหา ฯ ใหม่ลดลง 27.6% YoYแม้รัฐบาลท้องถิ่นได้มีการยกเลิกข้อจำกัดบางประการในการขายที่ดิน และ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จีนได้ประกาศขั้นตอนสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการลดอัตราส่วนของเงินดาวน์สำหรับซื้ออสังหาริมทรัพย์ และยกเลิกดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านขั้นต่ำ และอนุมัติรัฐวิสาหกิจสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ขายไม่ออกจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และแปลงเป็นที่อยู่อาศัย และมีการให้วงเงินสินเชื่อ 3 แสนล้านหยวน ซึ่งอาจส่งผลให้มีการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์มูลค่า 5 แสนล้านหยวนหรือคิดเป็น 0.4% ของ GDP ของประเทศ​ ความมุ่งมั่นเชิงนโยบายที่เพิ่มมากขึ้นเป็นประเด็นที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง และยังเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในจีน

 

สินทรัพย์ทางเลือก: ราคาของสินทรัพย์ REITs อ่อนตัวลงตั้งแต่ต้นปี 2024 หลังจากทำผลงานได้ดีในไตรมาส 4 ปี 2023 เนื่องจากนักลงทุนมีการประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายใหม่อีกครั้งจากข้อมูล CPI สหรัฐ ฯ ที่ออกมาแข็งแกร่ง  โดย REITs ยังมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากการไหลเข้ามาของเงินจากกองทุนตลาดเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันถึง 6 ล้านล้านเหรียญทั่วโลก ซึ่งได้รับผลตอบแทนมากถึง 5% จากการถือหนี้รัฐบาลสหรัฐ ฯ ระยะสั้นในปัจจุบัน หากตลาดเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปในทิศทางเดียวกัน สินทรัพย์ REITs และ สินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานจะได้รับประโยชน์ เนื่องจากนักลงทุนจะต้องแสวงหาโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทน 

 

ตลาดเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล - ฮามาสมากขึ้น ซึ่งขยายไปถึง อิหร่าน ปากสถาน เลบานอน ซีเรีย และอิรัก   การขนส่งสินค้าและพลังงานในช่องแคบฮอร์มุซ ทะเลแดง และคลองสุเอซที่หากหยุดชะงัก อาจทำให้เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะวิกฤต ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปกว่า 90 ดอลลาร์/บาร์เรล ในเดือนเมษายน เนื่องจากอิหร่านตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลในซีเรียก่อนที่จะผ่อนคลายลง ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีของยูเครนได้ทำลายกำลังการกลั่นน้ำมันของรัสเซียถึง 16% ทั้งนี้ ชาวยูเครนยังได้รับการสนับสนุนจากแพ็คเกจความช่วยเหลือมูลค่า 60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยความเสี่ยงที่ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้น อาจส่งผลให้เงินเฟ้อมีโอกาสปรับสูงขึ้น รวมถึงในส่วนของเงินเฟ้อพื้นฐานในทางอ้อมด้วยเช่นกันหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อ

 

 

เรายังคงแนะนำการถือครองตราสารหนี้ในกรอบระยะเวลาการลงทุน 6 – 12 เดือนข้างหน้า และขณะตลาดขาขึ้นตราสารทุนยังคงแข็งแกร่งจากแรงหนุนของแนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน โดยเราแนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตการลงทุนที่ผสมผสานกลยุทธ์ทั้ง Strategic Asset Allocation (SAA) และ Tactical Asset Allocation (TAA) เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์ 

 

อรุณ ปาวา

IP, FM, IA, ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ที่ปรึกษาทางการเงิน Investment Strategist

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)

 

 

รายละเอียดเพิ่มเติม
คำแนะนำการลงทุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญของเรา คลิก

คำสงวนสิทธิ์

ข้อมูลคำแนะนำบทวิเคราะห์ การคาดหมาย ความเห็นและ/หรือบทสรุป และการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้จัดทำโดยอาศัยข้อมูลมาจากแหล่งที่ธนาคารเชื่อหรือ ควรเชื่อว่ามีความน่าเชื่อถือและ/หรือถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ธนาคารมิได้ให้คำยืนยันและไม่รับรองหรือรับประกันถึงความครบถ้วน สมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าวและรายละเอียด ที่ปรากฏในรายงานฉบับนี้แต่อย่างใด ธนาคารตลอดจนบริษัทในเครือและบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้อง (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน หรือบุคลากรอื่นใด) จึงไม่รับผิดชอบ และไม่มีความรับผิดใด ๆ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมต่อการนำเอาข้อมูล คำแนะนำ บทวิเคราะห์ การคาดหมาย ความเห็นและ/หรือบทสรุปที่ปรากฏในรายงานฉบับนี้ไปใช้ไม่ว่ากรณีใด ๆ โดยที่ ผู้ที่ประสงค์จะนำข้อมูลและรายงานฉบับนี้ไปใช้ต้องยอมรับความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นโดยล าพังด้วยตนเองนอกจากนี้ทั้งนี้ธนาคารสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลง รายงานฉบับนี้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า แต่ธนาคารมิได้มีหน้าที่ใด ๆ ในการต้องแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงรายงานฉบับนี้ เมื่อข้อมูลหรือรายละเอียดใด ๆ ที่ ระบุในรายงานฉบับนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าด้วยเหตุใด ตลอดจนไม่มีหน้าที่ต้องตรวจสอบว่าข้อมูลหรือรายละเอียดที่ปรากฏในรายฉบับนี้เป็นปัจจุบันหรือมีความถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ของข้อมูล คำแนะนำ บทวิเคราะห์การคาดหมาย ความเห็นและ/หรือบทสรุปใด ๆ ที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้โดยห้ามมิให้ผู้ใดเผยแพร่ ตีพิมพ์ทำซ้ำ ลอกเลียนแบบ อ้างอิง แก้ไข ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือใช้วิธีการใดๆ ก็ตาม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากธนาคารก่อน ธนาคารตลอดจนบริษัทในเครือและบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้อง กรรมการ ผู้บริหาร รวมถึงพนักงาน ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบและไม่มีความรับผิดใด ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการด าเนินงานในอดีต/ ผลการด าเนินงานของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการด าเนินงานในอนาคต การลงทุนในหน่วยลงทุนไม่ใช่การฝากเงิน จึงมีความเสี่ยงจากการลงทุน ซึ่งผู้ลงทุนอาจได้รับเงินลงทุนอาจได้รับเงินลงทุนคืนมากกว่าหรือน้อยกว่าเงินลงทุนแรกเริ่มได้